24/6/56

อาหารมังสวิรัติใครๆก็ทานได้


เพื่อนๆหลายท่านอาจเริ่มเบื่อกับการทานเนื้อสัตว์เพราะปัจจุบันนี้หลายที่ที่ทำอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักได้มีการปรุงแต่งรสชาติเพิ่มเติมมากมาย ทำให้เพื่อนๆบางท่านเริ่มตระหนักและหันมาดูแลเรื่องอาหารการกินมากขึ้น และอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผมจะมานำเสนอข้อมูลวันนี้คือ อาหารมังสวิรัติ ที่เราคุนเคยกันมาอย่างดี ลองอ่านข้อมูลประกอบเป็นความรู้ดูนะครับ

คนทั่วไปมักเข้าใจว่า ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์จะไม่แข็งแรง และเป็นโรคขาดอาหาร แต่ความเป็นจริงปรากฏว่า คนที่กินอาหารมังสวิรัติ มีสุขภาพสมบูรณ์กว่า และไม่เป็นโรคขาดอาหาร กลับจะเป็นโรคน้อยกว่าด้วย เช่น โรคหัวใจวาย โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และติดเชื้อจากสัตว์
อาหารมังสวิรัติไม่แตกต่างจากอาหารที่คนเรากินทั่วๆไปมากนัก เพียงแต่นักมังสวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์ เขากินถั่วต่างๆ แทน เช่น ถั่วลิสง และ ถั่วเหลืองหรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เต้าหู้ และนมถั่วเหลือง เป็นต้น

มังสวิรัติกินอะไรได้บ้าง ,การกินมังสวิรัติ,มังสวิรัติคืออะไร,อาหารมังสวิรัติ,ร้านอาหารมังสวิรัติ
        
     อาหารมังสวิรัติไม่ใช่มีไว้เฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่ถือศีล หรือเคร่งครัดในเรื่องศาสนาเท่านั้น แต่ปัจจุบันคนทั่วโลกหลายล้านคนหันมากินอาหารมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพเป็นหลักใหญ่
       นักมังสวิรัติ จำแนกได้ 4 ประเภท
       1. กินธัญพืช ( ข้าวหรือข้าวกล้อง) ถั่ว พืชผักและผลไม้ ( Vegan)
       2. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมด้วย ( Lacto-vegetarian)
       3. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมและกินไข่ด้วย ( Lacto-ovo-vegetarian)
       4.กินเจ กินเหมือนข้อ 1 แต่ งด กุยช่าย ต้นหอม และกระเทียม (Chinese vegetarian)
      
       ประมาณ 500 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์และประชาชนส่วนมาก คิดว่าโลกแบน มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่เชื่อว่าโลกกลม เช่น โคลัมบัส ซึ่งย่อมเสี่ยงชีวิต เพื่อพิสูจน์ให้ชาวโลกได้รู้ว่าที่แท้โลกเรากลม โดยแล่นเรือค้นพบอเมริกาแต่กระนั้นต้องอาศัยเวลานานกว่าคนทั่วไปจะยอมรับในความจริงข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันกับสมัยนี้ ที่คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า การกินอาหารมังสวิรัติ จะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่ากับคนที่กินเนื้อสัตว์ ทั้งๆที่ในต่างประเทศ หรือแม้แต่ในเมืองไทยเอง ก็มีแพทย์ และนักโภชนาการหลายท่านยืนยันว่า คนกินอาหารมังสวิรัติไม่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโต หรือด้านสุขภาพเลย เพราะมีหลักฐานชัดเจนอยู่ใน 2 ข้อ ต่อไปนี้ คือ
       1.หลักฐานทางโภชนาการ หรือทางวิทยาศาสตร์
       2.หลักฐานจากชีวิตจริงของนักมังสวิรัติ
      
       ตอนนี้ เรามาพูดกันถึงหัวข้อที่ 1 มีหลักฐานพิสูจน์ แล้วว่า อาหารมังสวิรัติมีคุณค่าทางธาตุอาหารครบทุกหมู่ โปรตีนในถั่วเหลืองและถั่วต่างๆ ตลอดจนธัญพืช มีคุณภาพเท่าเทียมกับเนื้อสัตว์ จึงไม่ต้องห่วงว่า คนกินอาหารมังสวิรัติ จะได้โปรตีนไม่เพียงพอ โปรตีนบางชนิดที่ถั่วมีน้อยนั้น เราจะเสริมได้ง่ายๆ โดยการกินอาหารประเภทข้าว ซึ่งมีโปรตีนที่สำคัญจำนวนมาก คือ เมไธโอนิน ( Methionine) ในการประชุมนักโภชนาการนานาชาติครั้งที่ 6 ที่ประเทศอังกฤษมีรายงานตามหลักโภชนาการออกมาว่า การรวมตัวของโปรตีนจากพืชต่างชนิดกันจะทำให้ได้โปรตีน ไม่ต่างจากโปรตีนที่ได้จากสัตว์เลย
      
       ส่วนที่เด็กกินอาหารมังสวิรัติ จะได้โปรตีน และสารอาหารต่างๆ เพียงพอหรือไม่นั้น คำตอบคือ ไม่มีปัญหาเพราะเด็กที่กินอาหารมังสวิรัติ ใช่ว่าจะกินพืชผักทันทีที่ลืมตาดูโลก เด็กจะดื่มนมแม่ก่อน ( หรือไม่ก็นมผง) พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มกินข้าว พืชผัก และถั่วบด และผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย แต่เด็กก็ยังดื่มนมต่อไปเรื่อยๆ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติมักจะดื่มนม หรือนมถั่วตลอดไป ในขณะที่บางคนก็กินไข่ด้วย ความกังวลที่ว่า เด็กขาดธาตุอาหารจึงเป็นอันตัดไป
      
       ข้อ 2 หลักฐานทางภาคปฏิบัติจากชีวิตจริงที่นักมังสวิรัติ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มีความเฉลียวฉลาดเหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์ สมองเจริญเติบโตดีเหมือนกันและอาจจะดีกว่าเสียด้วย จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ที่มีคนเก่งๆ ของโลกเป็นนักมังสวิรัติ เช่น เลียวนาโด ดาวินซี, เซอร์ไอแซค นิวตัน, มหาตมะคานธี และนักกีฬาเหรียญโอลิมปิก อีกหลายท่าน ดูกันง่ายๆเช่น ชนชาติ ต่างๆ เช่นที่ อินเดีย มีซิกข์ ฮินดู แยนหรือคริสเตียนคณะเซเว่นเดย์แอ็ดเวนตีส เขากินอาหารมังสวิรัติกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เขาไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาเขาก็คงสูญพันธ์ไปแล้ว
       
       ผักเป็นอาหารจำเป็นสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักมังสวิรัติหรือไม่ แต่ก็มีบางคนไม่ค่อยกินผักเสียเลย เราก็ขาดแร่ธาตุต่างๆตลอดจนกากใยที่มีอยู่ในผัก ทางที่ถูกคือ เราต้องล้างผักในน้ำที่ไหลริน หลายๆครั้ง เพื่อให้น้ำนั้นชะล้างยาฆ่าแมลงออกไป หรือถ้าทำได้ ก็ปลูกผักสวนครัวไว้เองในบริเวณบ้าน
      
       นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่าเนื้อสัตว์ต่างๆที่คนนำมาบริโภค มียาฆ่าแมลงมากกว่าพืชผัก บางทีมากกว่าถึง 13 เท่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัตว์ต่างๆ ก็กินพืชผัก หรือหญ้าที่มียาฆ่าแมลงเข้าไป ยิ่งอายุของสัตว์ยืนนานเท่าใด ก็ยิ่งสะสมไว้มากเท่านั้น
      
       สรุปแล้ว การกินอาหารมังสวิรัติที่ถูกหลักจะปลอดภัย ไม่มีปัญหาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และทำได้ง่ายๆโดยการกินอาหาร 4 ประเภทต่อไปนี้ 1. ธัญพืช ( ข้าว) 2. ผัก 3. ผลไม้ 4.ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วลิสง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ( นมถั่วเหลือง) ฟองเต้าหู้หรือโปรตีนเกษตร ( เนื้อเทียม) หมี่กึน หรือ Gluten ( ส่วนไขมันไม่ต้องห่วงเพราะมีอยู่แล้วในอาหารประเภทนี้)
       
       ดร. จี เอส ฮันติงตัน แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาระบบย่อยและฟันของมนุษย์ และยืนยันว่า มนุษย์เรามีระบบย่อยและฟัน ที่เหมาะสมที่จะย่อยหรือบดเคี้ยวพืชผักมากกว่าเนื้อสัตว์
      
       ปัจจุบันเมืองไทยเรายังมีเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคขาดอาหาร การกินอาหารมังสวิรัติจะเป็นวิธีหนึ่งที่แก้ปัญหาการขาดแคลนอาหาร เพราะอาหารพืชผักและถั่ว ราคา ถูกกว่าเนื้อสัตว์ โปรตีนในถั่วเหลืองราคาถูกกว่าโปรตีนในเนื้อวัว ประมาณ 6 เท่า เช่น เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 60 บาท ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ประมาณ 20 บาท แต่ให้โปรตีนเป็น 2 เท่าของเนื้อสัตว์ และมีคุณภาพทางโปรตีนเท่าเทียมกัน ( เมื่อกินข้าวด้วย) ถ้าคนมีรายได้น้อยจะเลิกเห่อหรือหลงค่านิยมของการกินเนื้อสัตว์ ที่ต้องเอาเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ไปซื้อหาเนื้อหรือหมูที่มีราคาแพงมากิน และหันมาพึ่งถั่วเหลืองหรือถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ ก็จะได้อาหารที่มีประโยชน์ในราคาประหยัดกว่า และเขาจะได้อาหารที่เพียงพอ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออย่างเช่นทุกวันนี้ จะเป็นการประหยัด และช่วยไม่ให้เป็นโรคขาดสารอาหารด้วย เป็นการสนองตอบนโยบายของรัฐบาล ที่ปราถนาให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีสุขภาพดีและมีความสุขโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
      
       ในต่างประเทศได้มีผู้เชี่ยวชาญคำนวณแล้วว่าคนกินเนื้อสัตว์ 1 คน ต้องใช้เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ที่จะผลิตอาหารให้เขากิน แต่ถ้าเขากินแต่พืชผัก จะใช้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เท่านั้น ดังนั้น เราจะมีที่ดินเหลือไปผลิตอาหาร ให้เพียงพอกับประชากรทั่วประเทศ
      
       สรุป การกินอาหารมังสวิรัติ ดีกว่าการกินเนื้อสัตว์เพราะ
      
       1. ประหยัดกว่า อาหารพืชผัก ( มังสวิรัติ) ถูกกว่าเนื้อสัตว์ แต่มีคุณค่าทางอาหารเท่าเทียมกัน
      
       2.มีสุขภาพแข็งแรงกว่า เนื่องจากเนื้อสัตว์มีไขมันอิ่มตัวมาก ( คอเรสเตอรอล) ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดโรคหัวใจวายง่ายขึ้น คนกินเนื้อสัตว์จะมีโอกาสเป็น โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และโรคต่างๆ เช่น วัณโรค โรควัวบ้า โรคไข้หวัดนก และโรคอื่นๆที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้จากสัตว์มากกว่าคนที่กินมังสวิรัติ ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า คนที่รับประทานอาหารเนื้อสัตว์ ร้อยละ 50 และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย น้อยกว่าหลายเท่า เมื่อคนเป็นโรคมาก สุขภาพก็จะทรุดโทรม ประชาชนก็จะขาดคุณภาพ ประเทศชาติก็จะพัฒนาได้ยาก
      
       โปรดมั่นใจได้ว่า การกินมังสวิรัติที่ถูกต้อง จะทำให้มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ดี และไม่เพียงแต่เท่านั้น ด้านสติปัญญาและจิตใจก็จะดีขึ้นด้วย
      
       โปรตีนจากถั่วเหลือง มีมากกว่าโปรตีนในเนื้อสัตว์ 1 เท่า
       เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม 60 บาท
       ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม 20 บาท
       เพราะฉะนั้น โปรตีนถั่วเหลือง ถูกกว่า โปรตีนในเนื้อสัตว์ 6 เท่า
      
       คุณภาพทางโปรตีนของพืชผัก เหมือนกับคุณภาพทางโปรตีนของเนื้อสัตว์ เพราะโปรตีนบางชนิดที่ถั่วมีน้อยนั้น จะเสริมได้ง่ายๆโดยการกินอาหารประเภทข้าว ซึ่งมีกรดอะมิโน ( Methionine) มาก
      
       จะกินอาหารมังสวิรัติได้อย่างไร....... ?
      
       การกินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือการศึกษาสูง และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า อาหารชนิดใดที่มีแคลอรี่ หรือคุณค่าทางอาหารเท่าไร ขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
      
       1.กินอาหารหลายชนิดหมุนเวียนกัน ก) ธัญพืชหรือข้าวกล้อง ข) พืชผัก ค) ผลไม้ ง) ถั่วเมล็ดแห้ง ( กินนมหรือไข่ก็ได้หรือหลีกเลี่ยงได้จะดีกว่า)
       2.กินอาหารให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ( ไม่อ้วนและไม่ผอม)
       3. กินอาหารธรรมชาติไม่ค่อยดัดแปลงมาก
      
       สรุป กินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก กินเหมือนที่คุณเคยกินทุกวันนั่นแหล่ะ แต่เอาเนื้อสัตว์ออก แล้วเอาถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ( นมถั่วเหลือง) ฟองเต้าหู้หรือโปรตีนเกษตร ( เนื้อเทียม) หมี่กึน หรือ (GLUTEN) แทนเท่านั้นเอง
เรื่อง : น.พ. โชติช่วง ชุตินธร
ที่มาข้อมูล : manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9490000134975
tag : มังสวิรัติกินอะไรได้บ้าง ,การกินมังสวิรัติ,มังสวิรัติคืออะไร,อาหารมังสวิรัติ,ร้านอาหารมังสวิรัติ


---------------------------------------------------------------------------


กินมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ พิชิตโรคอ้วน 

การที่โรคอ้วนระบาดเนื่องจากว่าคนเราทุกวันนี้มีกินกันมาก แต่ไม่ได้กินดีอยู่ดีตามที่ควรจะเป็น แต่เป็นการกินผิดๆ กินอาหารขยะกันมากมาย อ้วน หนัก หนา ปรมาโรคา เป็นชื่อเรื่องของบทความที่ผมเคยเขียนเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว ปัจจุบันโรคอ้วนก็ยังเป็นปัญหา และเป็นปัญหามากขึ้นถึงขั้นระบาดไปทั่วโลก ทำให้โรคที่ตามมากับความอ้วน เช่น โรคเบาหวาน พลอยเป็นโรคระบาดไปทั่วโลกด้วย องค์การอนามัยโลกกำลังเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะเด็กๆ ถูกพ่อค้ามอมเมา เยาวชนตกเป็นเหยื่อนักการตลาด มีโฆษณาอาหารขยะในสื่อสารมวลชนเป็นประจำ ขณะนี้รัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ ได้ออกกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้าแล้ว ซึ่งคงจะทำให้การดื่มเหล้าลดลงบ้าง แต่ยังไม่ได้ทำอะไรกับอาหารขยะเลย ที่ประเทศพัฒนา เช่น สหรัฐอเมริกา เขามีกลุ่มคนผู้หวังดีต่อชาติร่วมมือกันต่อต้านอาหารขยะ มีการรณรงค์หลายรูปแบบ รวมทั้งการล็อบบี้ผู้แทนราษฎรให้ออกกฎหมายคุ้มครองเยาวชน ห้ามขายอาหารขยะในโรงเรียน ฯลฯ

ในขณะที่รัฐบาลไทยยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับอาหารขยะ คนไทยที่รักสุขภาพทั้งหลายจึงควรลงมือทำกันเองไปก่อน โดยงดการกินอาหารขยะ พยายามลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักที่ได้ผลที่สุดคือการลดอาหาร เช่น ลดปริมาณที่กินในมื้อเย็นลง ร่วมกับการออกกำลังกาย ไม่ใช่การออกกำลังกายอย่างเดียวแต่ไม่ควบคุมอาหาร การออกกำลังกายจะช่วยพยุงน้ำหนักตัวเอาไว้ไม่ให้ขึ้น การลดอาหารที่ดีอีกวิธีหนึ่ง คือ กินอาหารมังสวิรัติที่ถูกวิธี อาหารมังสวิรัติมีผลดีหลายอย่าง คือ นอกจากลดน้ำหนักได้แล้วยังสามารถช่วยให้โรคต่างๆ หลายอย่างดีขึ้น เช่น เบาหวาน โรคหัวใจดีขึ้น สมองเสื่อมช้าลง

จากการวิจัย มาธา แคลร์ มอริส ที่มหาวิทยาลัย รัชยูนิเวอร์ซิตี เมดิคัลเซ็นเตอร์ ที่ชิคาโก เมื่อไม่นานมานี้พบว่าการกินอาหารที่มีผักมากมีผลทำให้สุขภาพของสมองดีขึ้น คือ สมองเสื่อมช้าลง เขาทำการศึกษาเป็นเวลา 6 ปี พบว่าคนที่กินอาหารที่มีผักมากวันละ 2 มื้อมีความเสื่อมน้อยกว่าคือดูหนุ่มกว่าวัย 5 ปี จากการวิจัยที่ชิคาโกซึ่งทำการศึกษาในผู้ชายและผู้หญิงจำนวนเกือบ 2,000 คนพบว่าการกินผักมากมีแนวโน้มทำให้สมองเสื่อมช้าลง ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนเจ๋งเป้ง แต่เป็นงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ชี้ไปในแนวทางเดียวกับที่เขาเคยทำการศึกษาในผู้หญิงมาแล้ว

การวิจัยที่ชิคาโกที่ว่านั้นเขาใช้อาหารที่มีผักวันละ 2 จาน (ส่วนเสิร์ฟ) ผักที่สำคัญของเขาคือ ผักโขม และ เคล ซึ่งเขาคิดว่าเป็นผักที่ให้ประโยชน์มากเนื่องจากมีวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยต้านสารก่อความเสื่อมของเซลล์ โดยทั่วไปผักมีวิตามินอีมากกว่าผลไม้ ซึ่งเขาไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการลดความเสื่อมในการวิจัยชิ้นนั้น การกินผักของคนไข้ที่เขาทดลองส่วนมากมักจะกินกับน้ำมันชนิดที่ดีซึ่งช่วยการดูดซึมวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระให้เป็นไปได้ด้วยดี น้ำมันที่ดีที่ว่านั้นช่วยทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ซึ่งทำให้หลอดเลือดไม่ตีบหรือตันจึงมีผลดีต่อสุขภาพของสมอง งานชิ้นนี้บ่งชี้ถึงผลดีของผักไม่ใช่ผลไม้ ทำให้คิดไปได้ว่าการกินผักมากมีผลดีจริง ไม่ใช่แค่บ่งชี้ว่าคนกินผักมีสุขนิสัยที่ดีเท่านั้น

งานวิจัยนี้มีผู้เข้าร่วม 1,946 คน ซึ่งมีอายุ 65 ปีหรือมากกว่า คนเหล่านี้ได้กินผักใบเขียว (หั่นแล้ว) มื้อละครึ่งถ้วยตวง หรือ 1 ถ้วยตวงถ้ายังไม่หั่น เขาทำการทดสอบการทำงานของสมอง 3 ครั้งในห้วงเวลาการทดลอง 6 ปี โดยทั่วๆ ไปคนเรามีความเสื่อมถอยของการทำงานของสมอง แต่คนที่กินผักมากกว่าวันละ 2 ถ้วยมีความเสื่อมน้อยกว่ากลุ่มที่กินไม่ถึงหรือไม่กินผักถึง 40% ผลการทดสอบทางสมองของกลุ่มกินผักมากที่เขาทำมาได้มีค่าเท่ากับผลการทดสอบสมองของคนที่หนุ่มกว่านั้น 5 ปี การศึกษานี้ยังพบว่าคนที่กินผักมากส่วนมากมีสุขนิสัยที่ดี คือ มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่า ซึ่งเรารู้มาแล้วว่าดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด แสดงว่าอะไรที่ดีต่อหัวใจก็ดีต่อสมองด้วย คนอเมริกันมีปัญหาเรื่องความอ้วนมาก ทำให้มีโรคอื่นเป็นตามมามากมาย เขาจึงพยายามหาวิธีลด น้ำหนักต่างๆ มาใช้หลายอย่าง มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาทำการวิจัยไว้มาก คือ การใช้อาหารมังสวิรัติลดน้ำหนัก เมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมานี้ที่ประชุมวิชาการที่ชิคาโกก็ได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่องการใช้อาหารมังสวิรัติลดน้ำหนักที่มีประเด็นน่าสนใจ

นักวิจัยพบว่าคนที่กินอาหารมังสวิรัติเป็นเวลานาน 1 ปีจะสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าคนที่กินอาหารไขมันต่ำที่มีค่าแคลอรีเท่ากัน และระดับโคเลสเตอรอลชนิดเลว คือ LDL ในเลือดก็ลดลงด้วยหลังจากกินมังสวิรัติมานาน 6 เดือน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจกล่าวว่า การลดโคเลสเตอรอลตัวร้ายมีผลดีต่อหัวใจ ทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดน้อยลง ผลงานนี้เขาได้มาจากการทดลองในคนอ้วนชายและหญิงจำนวน 176 คน โดยสุ่มให้ 80 คนกินอาหารมังสวิรัติที่ให้กินนมและไข่ได้แต่ห้ามกินเนื้อแดง ไก่ หรือ ปลา ส่วนอีก 96 คนที่เหลือให้กินอาหารไขมันและแคลอรีต่ำแบบมาตรฐาน (ไขมันไม่เกิน 25% ของอาหารที่กิน) ผู้เข้าทดลองทั้งสองกลุ่มได้รับการสอนให้นับแคลอรีอย่างเคร่งครัด ได้รับการติดตามตรวจตราอย่างใกล้ชิด และชั่งน้ำหนักเป็นระยะๆ เป็นเวลา 1 ปี

ตอนแรกนักวิจัยเป็นกังวลว่าผู้เข้าทดลองจะไม่ทนกินอาหารมังสวิรัติไปจนสิ้นการทดลอง แต่พอเอาเข้าจริงพบว่าส่วนใหญ่ทนกินไปได้จนจบ และประมาณ 40% ของผู้เข้าทดลองยังคงกินมังสวิรัติต่อไปหลังการทดลอง 1 ปีไปแล้ว ส่วนคนที่กินอาหารมาตรฐานมีแค่ 30% ที่ยังคงกินอาหารไขมันและแคลอรีต่ำต่อไปหลังเสร็จการทดลอง แสดงว่าอาหารมังสวิรัติไม่ใช่สิ่งที่น่าเบื่อตามที่หลายคนกลัวกัน แม้ว่าทำในคนอเมริกันที่ชอบกินเนื้อมากเป็นชีวิตจิตใจก็ตาม

จากการทดลองนี้พบว่าหลังจาก 18 เดือนของการทดลอง คนที่กินมังสวิรัติสูตรของเขา (ให้กินนมและไข่ได้) สามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 11.2 ปอนด์ ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบลดได้ 10.4 ปอนด์ หลังจากเขาติดตามศึกษาดูต่อไปอีก 1 ปี ก็พบว่าคนที่ยังคงกินมังสวิรัติอยู่ต่อไปสามารถลดน้ำหนักได้ 16.5 ปอนด์ เมื่อเปรียบเทียบกับอีกกลุ่มหนึ่งที่เลิกกินสามารถลดได้แค่ 4.8 ปอนด์ และพบว่ากลุ่มที่กินมังสวิรัติต่อมีการกินไขมันน้อยลง และมีระดับโคเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) ลดลงอย่างชัดเจน การลดน้ำหนักโดยการกินมังสวิรัติได้ผลแน่ แต่สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติให้คงเส้นคงวาตลอดไป แต่การทำอย่างนั้นเป็นเรื่องยาก สำหรับคนอเมริกันเขาแนะนำให้มีที่ปรึกษาทางด้านอาหารคอยติดตามให้คำแนะนำตลอดไป แต่ในเมืองไทยการทำอย่างนั้นคงไม่ได้ผล สิ่งสำคัญคือจะต้องศึกษาหาความรู้เรื่องโภชนาการ โดยเฉพาะเรื่องมังสวิรัติให้ดีพอจนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้ ไม่หลงผิดหลงทางยิ่งกินมังสวิรัติแล้วยิ่งอ้วนขึ้นๆ

มีมิจฉาทิฐิหรือความเข้าใจผิดในเรื่องมังสวิรัติหลายอย่างที่ควรจะแก้ไขทำให้กลายเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนจะลงมือกินมังสวิรัติแบบสัมมาทิฐิได้
บางคนเข้าใจว่าอาหารมังสวิรัติมีไขมันต่ำ มีแคลอรีต่ำ ซึ่งไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะถ้าปรุงไม่เป็นไม่รู้วิชาโภชนาการก็จะมีไขมันสูง แคลอรีสูงได้ และถ้าใช้น้ำมันปรุงอาหารผิดๆ ก็จะได้ไขมันอิ่มตัวที่ไม่ดีต่อสุขภาพ น้ำมันที่ควรใช้ คือ ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันแคโนลา น้ำมันข้าวโพด ฯลฯ โดยทั่วไปไขมันจากพืชดีกว่าไขมันจากสัตว์ ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว (กะทิ) น้ำมันปาล์ม

บางคนคิดว่าอาหารมังสวิรัติรสชาติไม่ดี ซึ่งก็ไม่จริงเช่นกัน คนที่มีฝีมือปรุงเป็นก็มีรสชาติดีพอๆ กับอาหารเนื้อสัตว์ คนที่กินแล้วหลายคนติดใจ จากเหตุผลดังกล่าวนี้การกินอาหารมังสวิรัติก็อาจจะทำให้อ้วนและเป็นโรคร้ายได้เหมือนกัน บางคนเข้าใจผิดว่ากินมังสวิรัติแล้วได้บุญได้ขึ้นสวรรค์ จึงกินเข้าไปมากจนอ้วน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่กลายเป็นวิบากกรรมที่ไม่ดีต่อตัวเองเป็นอย่างมาก
ผู้เขียนจึงอยากชวนมาลดความอ้วนด้วยการกินมังสวิรัติกัน ถ้ากินมังสวิรัติไม่ได้ 100% ก็เอาแค่ที่ทำได้มากที่สุดก็พอแล้ว หัดเรียนรู้และปรุงเองกินเองได้ยิ่งดี จะได้เลือกกินอย่างถูกต้องได้คุณค่าโภชนาการ แถมไม่ต้องไปเดือดร้อนตะลอนๆ หาที่กินให้เกิดความทุกข์ยากมากขึ้นด้วย

เรื่อง: นพ.นริศ เจนวิริยะ ศัลยแพทย์
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
tag : มังสวิรัติกินอะไรได้บ้าง ,การกินมังสวิรัติ,มังสวิรัติคืออะไร,อาหารมังสวิรัติ,ร้านอาหารมังสวิรัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น