23/10/56

จง อยู่ อย่าง อยาก


KK Topic : จง อยู่ อย่าง อยาก

ในวันที่เจอลุงแซกท่าพระจันทร์ ชาว KK ได้ไปต่อกันที่ร้านกาแฟแถวถนนพระสุเมรุก่อนไปกินข้าวเย็นและกลับบ้าน จนเมื่อวานนี้ (22 ต.ค.56) เอสสาวได้กลับไปเยือนที่ร้านนั้นอีกครั้งและนั่งคุยกับเจ้าของร้านอยู่เกือบ 10 ชั่วโมง!!! อ่านไม่ผิดหรอกครับด้วยเวลาขนาดนี้สามารถนั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่ กินข้าวซอยลำดวน แล้วตบตูดด้วยกาแฟวาวีซอยมังกี้ได้สบาย ๆ

ปกติชาว KK นั่งสุมหัวกันได้เต็มที่ไม่เกิน 4 ชั่วโมงก็ต้องแยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัวกันแล้ว แต่เมื่อวานเกิดเหตุสุดวิสัยเพราะเจ้าของร้านไม่ยอมปล่อยให้นักกีตาร์โปร่งขั้นเทพที่มีเสียงร้องระดับนางฟ้าอย่างเอสสาวของเรากลับบ้านไปได้ง่าย ๆ เอสหนุ่มผู้โดนลากมานั่งด้วยเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนจนได้รับอิสระ แต่การนั่งคุยกับพี่เค้าก็ทำให้ได้แง่คิดชีวิตมากมายจนกลายเป็นที่มาของ KK Topic ในวันนี้

บ่ายแก่ ๆ เอสหนุ่มต้องไปเอารถยนต์ที่อู่แถวแยกพิชัย ขากลับคิดว่าจะแวะร้านกาแฟที่นั่งมาราธอนกันเมื่อวาน (ไม่เข็ด) แต่โชคชะตาก็ได้พาให้พบกับร้านกาแฟสุดแนวที่ห่างกันแค่เพียง 4 คูหากั้นเท่านั้น

เมื่อเปิดประตูร้านเข้าไปก็ได้พบกับหนังสือมากมายถูกวางอยู่บนชั้นข้างกำแพงทั้งสองด้าน ตามด้วยข้างบันได ต่อด้วยริมหน้าต่าง ขึ้นไปจนถึงชั้นสองซึ่งเป็นที่นั่งดื่มกาแฟของร้าน แถบหนึ่งของกำแพงมีหนังสือเรียงกันเป็นตับ อีกแถบหนึ่งมีรูปภาพสำหรับขายเต็มกำแพง ทำให้เกิดความสงสัยว่าร้านนี้เป็นร้านขายหนังสือ หรือร้านขายกาแฟ หรือร้านขายรูปกันแน่ (วะ)

ความกลมกลืนกันระหว่างเพลงแนวศุ บุญเลี้ยงที่เคล้าคลอกับกลิ่นหนังสือผสมกับเอกลักษณ์ในการตบแต่งร้านอย่างมีศิลปะได้สร้างบรรยากาศและมุมสวย ๆ ไว้หลายมุม หลังจากที่เอสหนุ่มถ่ายรูปแบบถูกใจตามหลักกูแต่ไม่ถูกต้องตามหลักการเสร็จแล้วก็ได้คุยกับเจ้าของร้านเล็กน้อย

พอพูดคุยกันเสร็จก็นั่งดื่มหนังสืออ่านกาแฟ เอ๊ย!! ดื่มกาแฟอ่านหนังสือ ระหว่างนั้นก็สงสัยว่าร้านหนังสือเล็ก ๆ แค่หนึ่งคูหา ไม่ได้อยู่ในห้าง ไม่มีสื่อประชาสัมพันธ์อะไร อยู่มาได้ยังไงตั้งสิบปีนะ?

ความสงสัยทำให้นึกถึงบทสนทนากับพี่เจ้าของร้านกาแฟเมื่อวานนี้ ซึ่งนอกจากพี่เค้าจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟแล้ว ยังเป็น บก.นิตยสารเล่มหนึ่งที่มีสำนักงานใหญ่อยู่แถวถนนพระอาทิตย์ด้วย..

รู้จักหอยทากกันใช่มั้ยครับ หอยทากมันรู้นะว่าจะคลานไปไหน แล้วมันก็คลานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย โดยไม่สนใจแม้แต่นิดว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ จะโดนรถเหยียบมั้ย จะเดี้ยงระหว่างทางรึเปล่า...ฟังดูดีเนอะ..น้องหอยทากช่างมุ่งมั่นและมีความเพียรเหลือล้นจริง ๆ

แต่พี่เค้าบอกว่าไม่อยากมีชีวิตแบบหอยทากเพราะการทำตามความอยากบางอย่างมันเป็นการสูญเปล่าทั้งเวลาและเงินทอง หอยทากอาจจะคลานไปได้จนถึงจุดหมาย แต่ในระหว่างที่คลานมันจะ ไม่ได้อะไรเลยเพราะมันมุ่งที่จะคลานเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการศึกษาเรียนรู้วิธีคลานให้เร็วขึ้น ไม่มีการหาเส้นทางที่ปลอดภัย ไม่มีการเพิ่มทักษะการคลานให้เหนื่อยน้อยลง ไม่พัฒนาชีวิต

มนุษย์เป็นสัตว์ที่ใช้สมองมากกว่ากำลัง แต่บ่อยครั้งที่มนุษย์ยอมหมดเวลา หมดเงินไปกับความอยากที่สูญเปล่าและไม่ช่วยให้ชีวิตพัฒนาขึ้น ในขณะที่มนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะหมดเงินและเวลาไปกับความอยากที่พัฒนาชีวิตจนประสบความสำเร็จ แล้วจึงหันกลับมาสนองความอยากที่ไม่พัฒนาชีวิตอย่างการกินเหล้า เที่ยวกลางคืน แทงบอล ลุ้นหวย ลงอ่าง ฯลฯ

พี่เค้าเป็นมนุษย์กลุ่มนั้นครับ แล้วทุกวันนี้พี่เค้ามีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานที่รัก มีร้านกาแฟส่วนตัว มีเงินและเวลาไว้สนองความอยากตัวที่สองจากการดื่มไวน์ราคาแพง เที่ยวผับหรูได้อย่างสบาย แถมมีเหลือมากพอที่จะแบ่งปันให้กับสังคมอีกด้วย..

เล่ามาจนจะจบแล้วสงสัยมั้ยครับว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อและร้านกาแฟร้านนี้ตรงไหน?...ลองสังเกตดูสิครับมันถูกเฉลยไปหมดแล้วล่ะ..


A.nonnawin


21/10/56

ear in heart


[KK Topic : ear in heart]
                    วันหยุดของชาว “กัลยาณมิตร กรุงเกษม (KK)” หรือกลุ่มที่มีชื่อเล่นน่ารักน่ากินว่า “แปะก๊วยนมสด” มักนัดชุมนุมกันหมกตัวอยู่ในมุมสงบที่หลบอยู่ในซอกหลืบของกรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับ เมืองที่ขยับตลอดเวลา

                    เพื่อหลบความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ความเร่งรีบ ความว้าวุ้นจากชีวิตเมืองหลวง ชาว KK จึงชอบไปร้านกาแฟอินดี้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเพราะมีคนน้อยเนื่องจากจะมีแต่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้บริการ และเมื่อมีคนน้อยเราก็เฮฮากันได้เต็มที่ ที่สำคัญคือสามารถนั่งนานเท่าไหร่ก็ได้แม้ว่าจะสั่งกาแฟเพียงแค่แก้วเดียว มันจึงกลายเป็นสถานที่แห่งกาลเวลาที่เรายอมหมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับกิจกรรมแค่หนึ่งหรือสองอย่างแต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็หมดวันซะแล้ว

                    ในกลุ่มจะมี “สแกนเนอร์” หรือ “เอส” (มาจากตัว S.ของคำว่า Scanner) อยู่สองคนที่คอยหาร้านกาแฟอินดี้ใหม่ ๆ ไว้ไปเอะอะในร้านเค้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เอสเจอเป้าหมายใหม่แถวถนนพระสุเมรุจึงนัดกันไปเติมพลังที่ท่าพระจันทร์ก่อนไปดำเนินการตามแผน

                    ท่าพระจันทร์ไพเราะกว่าที่เคยเพราะมีเสียงแซกโซโฟนนุ่มลุ่มลึกไต่โน้ตขึ้นลงเป็นเสียงเพลงคลอเคลียกับผู้คนที่เดินไปมาประหนึ่งการเต้นระบำประกอบบทเพลง เอสสาวผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักดนตรีหันมาบอกกับเอสหนุ่มผู้ที่ไม่กระดิกเรื่องดนตรีเลยแม้แต่น้อยว่า “เพราะอ่ะ” แล้วก็พากันไปกินข้าวและซื้อหนังสือคนละเล่ม

                    หลังจากนั้นเอสสาวก็เดินเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ส่วนเอสหนุ่มผู้ไม่เคยสนใจการช้อปปิ้งมาแต่ไหนแต่ไรจึงเดินไปหาต้นเสียง แล้วภาพของชายผมขาววัยกลางคนในชุดโปโลลายขวาง ใส่กางเกงขายาวสีเข้ม สวมรองเท้าแตะ นั่งบนเก้าอี้พลาสติกโล้นสีน้ำเงินใต้ร่มเซเวนเซ่น กำลังบรรเลงเพลงจากแซกโซโฟนสีทองก็ปรากฎอยู่บนแววตาของเอสหนุ่ม

                    แม้จะไม่ประสีประสาเรื่องดนตรีแต่ก็ชอบฟังเพลงที่รังสรรค์และบรรเลงเพลงตามใจศิลปินเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นเพลงที่มาจากลุงบ้าน ๆ แต่งตัวธรรมดาด้วยแล้วยิ่งโดนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งก็ได้เห็นใบหน้าของลุงที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งเวลาชีวิตและร่องรอยแห่งความสุขจากการใช้ลมหายใจสร้างเสียงเพลง แม้ว่าตาจะบอดก็ตาม

                    ลมหายใจคือชีวิตยังเป็นคำที่ใช้ได้และมีความหมายดีเสมอ โดยเฉพาะลุงแซกที่พิการเพียงสายตาแต่ไม่ได้พิการหัวใจ หัวใจที่ยังมีไฟ ยังมีกำลังพาร่างกายออกมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพสุจริต มันทำให้เกิดความโดดเด่นจนแตกต่างจากผู้พิการคนอื่นที่อยู่อีกด้านของถนนได้อย่างมีคลาสและมีรสนิยม

                    ในขณะที่เราใช้ลมหายใจอย่างไร้คุณค่าด้วยการหายใจทิ้งไปวัน ๆ แต่ลุงได้แปรเปลี่ยนลมหายใจอันแสนธรรมดามาเป็นเครื่องมือในการหล่อเลี้ยงชีวิต
                    ในขณะที่ “หู” ของคนทั่วไปอาจเฉย ๆ กับเสียงแซกที่ลุงเป่าเพราะมันเทียบไม่ได้เลยกับเสียงแซกจากมืออาชีพระดับโลก แต่สิ่งที่ทำให้เสียงแซกของลุงไพเราะยิ่งกว่าเสียงแซกใด ๆ คือการเล่นดนตรีด้วย “หัวใจ” และมันจะไพเราะยิ่งขึ้นถ้าคุณใช้ “หัวใจ” ฟัง

                    หนังสือที่เอสหนุ่มเลือกมาเป็นหนังสือมุมมองเชิงบวกของคุณหมอเมืองเพชบูรณ์ที่มีชื่อเก๋ ๆ ว่า “มองโรคแง่ดี” บรรทัดหนึ่งในหลายพันบรรทัดของหนังสือเล่มนี้เขียนว่า
                    “ลองมองที่หัวใจสิครับ เห็นมั้ย ตรงกลางของ heart นั้นมี ear ซ่อนอยู่”


A.nonnawin